ดีเอสไอ! องค์กรในระบบกระบวนการยุติธรรม จริงหรือ ???
พระเทพญาณมหามุนี ป่วยจริง !
ที่ผ่านมาทางวัดพระธรรมกาย พร้อมให้ความร่วมมือกับทางดีเอสไอมาโดยตลอด
แต่เนื่องจากหลวงพ่อป่วยมากจึงไม่สามารถเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาได้
แต่เนื่องจากหลวงพ่อป่วยมากจึงไม่สามารถเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาได้
กรณีอาการป่วยที่มีใบรับรองแพทย์ถูกต้อง ทางดีเอสไอใช้ดุลพินิจปฏิเสธการเลื่อนโดยไม่ตั้งอยู่บนพื้นทางความเป็นจริง
เพราะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ที่รับผิดชอบคดีนี้ เคยพบเห็นอาการของหลวงพ่อธัมมชโย และรู้อยู่ว่าอาการป่วยของหลวงพ่อธัมมชโย ไม่สามารถเดินทางไปดีเอสไอได้อย่างแน่นอน
การใช้ดุลพินิจของดีเอสไอครั้งนี้ เป็นการใช้กฎหมายละเมิดสิทธิของผู้ป่วยหรือไม่?
ออกหมายจับพระผูัไม่ต่อสู้... รัฐสร้างความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น ลุแก่อำนาจ
การที่ DSI ขอให้ศาลยุติธรรมออกหมายจับ พระเทพญาณมหามุนี ( หลวงพ่อธัมมชโย ) แห่งวัดพระธรรมกาย กรณีขอผัดผ่อนเลื่อนมาให้การในคดีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐาน ด้วยเหตุผลที่ท่านอาพาธ และมีคำรับรองของแพทย์ว่าอาพาธจริ'
การออกหมายจับในครั้งนี้ภาครัฐกำลังก้าวพลาดครั้งสำคัญเพราะเป็นการออกหมายจับ ผู้ที่ศาลฯ ยังมิได้พิพากษาว่าเป็นจำเลย
นั่นประการแรก
ประการที่สอง ผู้ถูกกล่าวหา มีเหตุผลอันควรที่เจ็บป่วยจริงๆ มิได้เสแสร้ง และมีแพทย์ผู้มีใบประกอบโรคศิลป์ให้คำรับรองว่าท่านอาพาธจริงการไม่เชื่อถือแพทย์ อาจเป็นเหตุผลรองลงไปจากการที่ DSI ที่เป็นตัวแทนภาครัฐ มีธงในใจที่จะต้องการเร่งรัดอะไรบางอย่างหรือไม่ นี่คือการพลาดประการที่สอง
ประการที่สาม ภาครัฐ ใช้ DSI เป็นหนังหน้าไฟ กระทำการสร้างความขัดแย้งครั้งสำคัญประกาศศึกกับฝ่าย ศาสนจักร อย่าลืมว่า พระธัมมชโย ยังมิได้มีฐานะเป็นจำเลย ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการไต่สวน
ดังนั้น การไม่ยอมผ่อนปรน โดยอาจเร่งรัดเพื่อหวังผลในใจอย่างไรหรือไม่ ประการใดก็ตาม นับเป็นการ “สร้างความขัดแย้ง" โดยไม่จำเป็น และเป็นการขัดแย้งครั้งสำคัญ ที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของชาวพุทธโดยรวม หากไม่นับขั้วการเมือง
การก้าวพลาด เพียงเพราะลุแก่อำนาจในครั้งนี้ของภาครัฐยังจะนับได้อยู่หรือไม่ว่ากระบวนการสร้างความปรองดองที่มีมาตั้งแต่ต้น ความตั้งใจที่จะกระทำให้บ้านเมืองสงบสุข ตามที่รัฐบาล โดยการนำของ คสช. ป่าวประกาศต่อประชาชน ต่อสังคมโลก จะเป็นจริงหรือไม่
ขอศาลฯที่เคารพ ได้โปรดตรองดูด้วยหัวใจที่เป็นธรรม ดิฉัน กราบขอความเมตตาแทนศาสนจักรโดยรวม โดยเล็งเห็นถึงความสงบสุขของประเทศชาติเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะสูญเสียโดยไม่อาจเรียกคืน นั่นคือ การสูญเสียศรัทธา ที่ประชาชนจะมีต่อภาครัฐ ต่ออาณาจักรของตน อย่างไม่อาจจะเรียกคืนได้อีกต่อไป
ศศินภา นิติธรรมปพน
อดีตคณะกรรมการปฏิรูปแนวทาง และมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาสภาปฏิรูปแห่งชาติ
--------------------------------------------------------------