คณะศิษย์เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ ของ “หลวงพ่อธัมมชโย”
คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เชื่อมั่นว่า "หลวงพ่อธัมมชโย” เป็นผู้บริสุทธิ์ ด้วยเหตุผล ดังนี้
1. หากเป็นผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดฟอกเงินและรับของโจรตามข้อกล่าวหา ผู้กระทำจะต้องรู้อยู่แล้วว่า เมื่อมีการนำเงินออกจาก สหกรณ์โดยมิชอบกว่าหมื่นล้านบาท สหกรณ์ฯ จะต้องล้ม เกิดเป็นคดีความแน่นอน
ดังนั้นผู้ร่วมกระทำความผิดจะต้องพยายามปกปิด ซ่อนเร้นเส้นทางการเงิน เพื่อไม่ให้ความผิดมาถึงตัว เช่น แอบรับมาเป็นเงินสด ซุกซ่อนไว้ไม่ให้ใครรู้ และหาทางผ่องถ่ายเงิน กลับไปสู่ผู้ร่วมกระทำความผิด
แต่ “พระเทพญาณมหามุนี” รับบริจาคโดยเปิดเผย ท่ามกลางประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสน และรับบริจาคมาเป็นเช็คสหกรณ์ฯ ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้หมด ผู้ที่สมคบกันทำความผิด จะไม่มีใครรับเงินมาด้วยวิธีการโง่ๆ อย่างนี้แน่นอน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา” พฤติกรรมจริงที่เกิดขึ้นนี้ จึงเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า “พระเทพญาณมหามุนี” รับบริจาคมาโดยเปิดเผย และสุจริต
2. เงินบริจาคที่ได้รับมาทั้งหมด “พระเทพญาณมหามุนี” ไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียว และไม่มีการผ่องถ่ายคืนไปให้ นายศุภชัย เลย จึงไม่ใช่การฟอกเงิน
ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด เนื่องจากไม่เคยเบิกถอนเป็นเงินสดเลย แต่เป็นการโอนผ่านบัญชีไปให้วัด และมูลนิธิฯ เพื่อก่อสร้างศาสนสถานอันเป็นประโยชน์สาธารณะตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค
ซึ่งสำนักงาน ปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว !
สิ่งนี้แสดงถึงเจตนาสุจริตของ “พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)”
3. “พระเทพญาณมหามุนี” บวชมาแล้ว 47 พรรษา ปฏิบัติธรรมทำความดีมาตลอดชีวิต สร้างพระ สร้างวัด มีผลงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนามากมาย
จึงมีศิษยานุศิษย์ที่มีจิตศรัทธาในตัวท่านจำนวนมาก บริจาคปัจจัยเป็นการส่วนตัวแก่ “พระเทพญาณมหามุนี” รวมจำนวนกว่าหมื่นล้านบาท
ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสามารถเบิกไปใช้ได้ตามประสงค์ แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็ไม่เคยถอนเป็นเงินสดออกมา เพื่อใช้จ่ายส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียว
ปัจจัยทั้งหมดได้โอนผ่านบัญชีบริจาค แก่วัดและมูลนิธิฯ เพื่อประโยชน์สาธารณะทั้งสิ้น
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจะมาทำความผิดฐานฟอกเงิน และรับของโจรทำไม? กับเงิน 300 กว่าล้านบาท
ในเมื่อปัจจัยที่ญาติโยมถวายเป็นการส่วนตัวเป็นหมื่นล้านบาท !
ซึ่งท่านสามารถเบิกไปใช้ได้ตามต้องการ ท่านยังไม่เคยเบิกไปใช้ส่วนตัวเลย แต่ได้นำมาทำบุญบริจาคสร้างวัด เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั้งหมด
4. “พระเทพญาณมหามุนี” บวชมาแล้ว 47 พรรษา ปฏิบัติธรรมมาตลอดชีวิต สร้างศาสนสถาน เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา และประเทศชาติ รวมมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท
สร้างพระภิกษุ ผู้ตั้งใจบวชอุทิศชีวิตจำนวน 4,000 รูป
สร้างอุบาสก อุบาสิกา ญาติโยมผู้มีศรัทธาอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาหลายล้านคน
ผู้ที่มีจิตไม่บริสุทธิ์ มาบวชเพราะหวังลาภสักการะ มีเจตนาทุจริต จะไม่ทำอย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านทำ และก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำด้วยชีวิต ทุ่มเทจิตใจทั้งหมดลงไป
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ศีลรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วม” คนอยู่ด้วยกันจะรู้นิสัยกัน ปิดไม่มิด
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเป็นคนอย่างไร? พระภิกษุ อุบาสก อุบาสิกาในวัดที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีต้องรู้ ไม่มีทางปิดกันได้ !
ถ้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไม่ดีจริง พระภิกษุ อุบาสก อุบาสิกาในวัดไม่มีทางอุทิศชีวิตตนเพื่อพระพุทธศาสนาตามคำสอนของท่านอย่างนี้
ชีวิตของใครๆ ก็รัก จะยอมอุทิศชีวิตตนก็ต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าสิ่งนั้นดีจริงเท่านั้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้น คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั้งมวล จึงมั่นใจในความบริสุทธิ์ ของ “พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)”
และขอวิงวอนต่อสื่อมวลชน สังคม และกระบวนการยุติธรรม ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับพระภิกษุชรา อายุกว่า 72 ปี
ที่ทำความดีมาทั้งชีวิต และกำลังอาพาธหนัก อย่ารังแกท่านหรืออย่าเร่งรัดกระบวนการจนเกิดเป็นความรู้สึกว่าอาจกำลังหาทาง กลั่นแกล้ง?
อาจเป็นการดำเนินคดีแบบมีใบสั่ง? ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ต้องหาคดีกบฏ ซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่า แต่ไม่เห็นทาง DSI เร่งรัดดำเนินคดีแต่ประการใด?
นายองอาจ ธรรมนิทา
โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย
23 มิถุนายน พ.ศ. 2559