Featured

วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็คืน อย่ามัวคิด ทำจิตให้ผ่องใส..

“เดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็คืน ...
ความสุขก็เกิดจากการ"ทำหยุดทำนิ่ง" 
ให้เราพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่เสมอ 

เมื่อใจใสใจสบาย  
การค้าก็จะดีขึ้นอย่าง
เป็นอัศจรรย์      

ให้ผ่าน"ดง"ความคิด    
จิตจะบริสุทธิ์ จะหลุดพ้น
จากปัญหาทั้งปวง

มัวแต่คิดอยู่นั่นแหละว่า
...เมื่อไหร่จะรวย หรือเมื่อไหร่การค้าขายจะดีขึ้น...

ให้ปัดทิ้งไปเลย คิดอย่างนี้ทำให้ ใจไม่ใส
ไม่สบาย เหมือนทำร้ายตัวเอง...ทำให้ แก่ง่าย
ตายเร็ว ต้องสบายๆ จะได้ดึงกระแสธาตุ
แห่งความบริสุทธิ์มาสู่ภายใน พอมากๆ เข้า
ก็จะเกิดพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
มาสู่เส้นทางที่ดีขึ้นได้ ”

สรุปโอวาทพระเทพญาณมหามุนี
21สิงหาคม พ.ศ.2558

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

"สมณะหนุ่ม" ทอดตามองฟ้ากว้าง

"ดินแดนแห่งดวงใจผู้ปราบมาร"
            "สมณะหนุ่ม" ทอดตามองฟ้ากว้าง            
ท้องทุ่งว่างสุดสายตาของข้าหนอ
อนันตภพคาดหวังตั้งตารอ​​  
แสงธรรมทอสว่างไถ่ถางชน

จอมเทพผู้สถิต "ผาดำ" เอย​​    
ข้าจักเผยสัทธรรมค้ำเวหน
เป็นสักขีทางทองยกผองชน​​
ให้ข้ามพ้นวัฏฏะชำนะมาร

ปณิธานประหารสิ้นมารภพ​​
ปักธงรบ "อหิงสา" อย่างกล้าหาญ
กาสาวพัสตร์พลิ้วสะบัดกาลนาน​
ตราบวิญญาณข้าสิ้นถิ่นมุนี

ณ ที่นี่ เหนือขุนเขาอันสิริ​​
มั่นปณิธานธรรมนำศักดิ์ศรี
สองเท้าข้าจักย่ำธรรมเภรี​​
ขนสัตว์นี้ทั้งอนันตจักรวาล

ตราบใดสัตว์ทั้งหลายยังไม่สิ้น​
มอบชีวินต้นธาตุธรรมนำสุขศานติ์
เปลี่ยนทุกภพเป็นแดนดินที่สิ้นมาร​
ขอนิพพาน "คนสุดท้าย" มั่นหทัย

ปณิธาน "ผาดำ" ตอกย้ำจิต​​
พ่ออุทิศเบิกธรรมาวิชชาใส
"ธรรมกาย" คือ ถ้อยทิพย์ "ธรรมชัย"
พ่อเป็นดั่งดวงใจผู้ปราบมาร

ณ ที่นี่ แดนองอาจธาตุธรรมขาว​
สุกสกาวด้วยบุญญามหาศาล
เชื่อมต่อสายบุญคุณยายอาจารย์​
"ผู้ปราบมาร" "ผู้สืบทอด" กอดโลกา

สองมือขอเกาะชายสีจีวรพ่อ
ผู้เกิดก่อกายธรรมนำหรรษา
ทุกชาติภพเกิดใต้ร่มดุสิตา
ปราบมาราตามหลวงปู่สู่สุดธรรม!!!

"สามภพ" ประพันธ์

๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ธรรมกายเป็นภัยต่อความมั่นคงจริงหรือ???

 ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา มีคำถามว่า “วัดพระธรรมกายเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่” 
เป็นคำถามยอดฮิตและเริ่มกระจายกันไปในวงกว้าง ผมก็เลยต้องหาข้อมูลจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร หรือข้อมูลจากการเข้าไปสอบถามคนในวัด จากข้อมูลที่ได้มาทำให้ผมพอจะประเมินได้ดังนี้
๑. ต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา  สำหรับข้อนี้ตอบได้ชัดเจนว่า นอกจากจะไม่เป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา แล้วในทางตรงกันข้าม วัดพระธรรมกายกลับจะเป็นปราการอันแข็งแกร่ง ของพระพุทธศาสนา จากการรุกรานอันไม่ชอบธรรมจากต่างศาสนา ที่ไม่ ยึดหลักการเผยแผ่สากล ที่ชอบไปเบียดเบียนศาสนิกของศาสนาอื่น โดยใช้การบังคับให้เป็นพวก หากไม่เป็นพวกก็ตาย นอกจากนี้วัดนี้ยังเข้าไป เป็นมือเป็นเท้า สนองงานให้กับการคณะสงฆ์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสิ่งที่วัดได้ทำประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการช่วยเหลือในภัยพิบัติต่างๆ ทอดผ้าป่าใน ๔ จังหวัดภาคใต้อย่างต่อเนื่อง มากว่าสิบปี ให้ทุนการศึกษามาอีกนับไม่ถ้วน ที่สำคัญยังเป็นแหล่งผลิต พระภิกษุ สามเณร ให้กับพระพุทธศาสนา ซึ่งปัจจุบันมีพระภิกษุ สามเณรกว่า ๓,๐๐๐ รูป มีศูนย์สาขาอยู่ทั่วโลก ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ไม่มีทางที่จะเป็นภัยต่อ พระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน
           ๒. ต่อความมั่นคงของประเทศชาติ หากมองด้วยสายตาที่เป็นธรรม จะเห็นได้ว่า นอกจากวัดพระธรรมกายจะไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติแล้ว กลับจะทำให้ประเทศชาติมั่นคงด้วยซ้ำ เพราะวัดมีโครงการอบรมจริยธรรมสำหรับเยาวชน เป็นการเตรียมคนที่มีคุณธรรมให้กับสังคม หากวันข้างหน้า เรามีคนที่มีคุณภาพ นำหลักธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิต มาใช้ในที่ทำงาน ในครอบครัว นั่นยิ่งจะเป็นตัวชี้นำถึงความเข้มแข็งของสังคมโดยมหัพภาค
๓. ต่อความมั่นคงของผู้ที่มีกิจการที่เกี่ยวข้องกับอบายมุข สำหรับข้อนี้ก็ชัดเจนอีกเช่นเดียวกันว่า แน่นอน วัดพระธรรมกายคัดค้านการค้าเหล้า เบียร์ บุหรี่ จัดโครงการเทเหล้าเผาบุหรี่ไปทั่วโลกรวมทั้งการเอานิสิตนักศึกษามาอบรมให้เห็นภัยในสิ่งเหล่านี้ รวมทั้งให้นักศึกษาใช้เวลาในการปฏิบัติธรรม แทนที่จะไปเข้าผับ เข้าบาร์ จึงเป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่า กระทบกระเทือนความมั่นคง (ทางการเงิน) ของผู้ประกอบการในเรื่องนี้
หลายครั้งในประวัติศาสตร์ที่เราสูญเสียสิ่งดี ๆ คนดี ๆไปเพราะขาดข้อมูลที่สมบูรณ์หรืออาจจะด้วยอคติ ทำให้ประเทศชาติต้องล้าหลังหรือหยุดอยู่กับที่ เราจะให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกกี่ครั้งจึงจะสำนึก
ขอให้มองวัดพระธรรมกายให้ดี แล้วใช้เขาให้เกิดประโยชน์แทนที่จะมองว่าเขาเป็นภัยดีกว่านะครับ

ปรัศนี

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

มหาธรรมกายเจดีย์ เจดีย์แห่งพระรัตนตรัย

มหาธรรมกายเจดีย์สัญลักษณ์แห่งสันติภาพโลก
มหาธรรมกายเจดีย์ ตั้งอยู่ที่วัดพระธรรมกาย ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ถูกออกแบบมาเพื่อประดิษฐานองค์พระธรรมกายประจำตัว 1,000,000 องค์ 

นับว่าเป็นมหาเจดีย์แห่งพระรัตนตรัย เกิดขึ้นจากการดำริของพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เพื่อสร้างศาสนสถานให้เป็นศูนย์กลางการรวมใจและการประพฤติปฏิบัติธรรมของชาวพุทธทั่วโลก 
ซึ่งศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายและพุทธศาสนิกชนทั่วโลกได้ร่วมใจกันสถาปนาขึ้นตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2537 เรื่อยมา เป้าหมายในการก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ก็เพื่อไว้เป็นสถานที่สำหรับสร้างสันติภาพโลกให้แก่มวลมนุษยชาติ
โดยเริ่มจากการพัฒนาสันติสุขภายในใจของแต่ละบุคคล เพราะแท้จริงแล้ว สันติภาพโลกเป็นผลพลอยได้จากใจที่เปี่ยมไปด้วยสันติสุข และความบริสุทธิ์ของทุกๆ คนที่เกิดขึ้นจากใจที่หยุดนิ่งจากการทำสมาธิ(Meditationและความบริสุทธิ์ของทุกๆ คนที่เกิดขึ้นจากใจที่หยุดนิ่งจากการทำสมาธิ(Meditationสันติสุขภายในจะผสานความแตกต่างและแตกแยก และสร้างปณิธานแห่งสันติภาพโลกร่วมกัน องค์มหาธรรมกายเจดีย์ มีลักษณะเป็นทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางที่ฐาน 194.40 เมตร ความสูง 32.40 เมตร มีส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่
พุทธรัตนะ คือ ส่วนโดมและเชิงลาดสีทอง ด้านนอกเจดีย์ประดิษฐานพระธรรมกายประจำตัว 300,000 องค์ และด้านในเจดีย์อีก 700,000 องค์ องค์พระธรรมกายประจำตัว ซึ่งมีความสูง 18 เซนติเมตร หล่อด้วยโลหะซิลิกอนบรอนซ์ยิงอนุภาคทองคำแท้เคลือบพื้นผิวด้านนอกองค์พระและจารึกชื่อของผู้เป็นเจ้าของไว้ที่ฐานองค์พระ นอกจากนี้ภายในเจดีย์ยังประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระบรมพุทธเจ้าที่หล่อจากเงินแท้ หนัก 14 ตัน มีความสูง 4.50 เมตร หน้าตักกว้าง 4.50 เมตร ทั้งองค์พระธรรมกายประจำตัวและองค์พระบรมพุทธเจ้าสร้างตามลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก 
ธรรมรัตนะ เป็นวงแหวนเชิงลาดสีขาวโดยรอบมหาธรรมกายเจดีย์ แทนพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงสัญลักษณ์ที่แผ่ขยายออกไปประดุจธรรมจักร เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างพุทธรัตนะและสังฆรัตนะ มีความกว้าง 10.8 เมตร 
สังฆรัตนะ เป็นพื้นที่ขั้นบันไดวงแหวน ลดหลั่นลงมา จำนวน 22 ขั้น ถัดจากธรรมรัตนะ ใช้สำหรับพระภิกษุนั่งปฏิบัติธรรมและประกอบพิธีจำนวน 10,000 รูป หินแกรนิตที่นำมาประกอบเป็นธรรมรัตนะและสังฆรัตนะ เป็นหินแกรนิตคุณภาพดี เนื้อหินมีความสม่ำเสมอมีความหนามากกว่าหินแกรนิตทั่วไป

โครงสร้างของมหาธรรมกายเจดีย์ นั้นสร้างขึ้นจาก Super Structure Concrete ซึ่งเป็นคอนกรีตส่วนผสมพิเศษที่สามารถรับกำลังอัดได้มากกว่าโครงสร้างปกติถึง 3 เท่า พื้นผิวทั้งหมดไม่กระทบกับฝนและแดด ความร้อนและความเย็นก็ไม่กระทบโดยตรง จึงทนทานต่อการกัดกร่อนมากกว่า และสามารถอยู่ได้นานนับพันปี เสาเข็มขององค์มหาธรรมกายเจดีย์หล่อด้วยคอนกรีตผสมพิเศษหุ้มสแตนเลส เพื่อให้ทนต่อการกัดกร่อน

ประเภทของมหาธรรมกายเจดีย์

       ในครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์ตรัสบอกกับพระอานนท์ถึงประเภทของมหาเจดีย์ไว้ว่ามี 4 ประเภท มหาธรรมกายเจดีย์เป็นมหาเจดีย์ 3 จาก 4 ประเภท ได้แก่

       1. ธาตุเจดีย์ ได้แก่ พระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมหาธรรมกายเจดีย์ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน

       2. อุทเทสิกเจดีย์ ได้แก่ พระพุทธรูป ซึ่งมหาธรรมกายเจดีย์มีพระธรรมกายประจำตัวด้านนอก 300,000 องค์ ด้านใน 700,000 องค์ และพระบรมพุทธเจ้าที่ประดิษฐานเป็นองค์ประธานอยู่ภายในส่วนโดมของมหาธรรมกายเจดีย์

      3. ธรรมเจดีย์ ได้แก่ สถานที่เก็บพระคัมภีร์ พระธรรมคำสอน และพระไตรปิฎก ตลอดจนตำราการเรียนรู้พระพุทธศาสนา ซึ่งมหาธรรมกายเจดีย์ได้บรรจุพระไตรปิฎก หนังสือ ตำราพระพุทธศาสนา และซีดีรอมวิชาบาลีไว้ในส่วนธรรมรัตนะด้วย

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

หลวงพ่อเป็นผู้บริสุทธิ์

ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหาเพราะ 

1. วัดพระธรรมกายนี้ หลวงพ่อท่านสร้างมาด้วย 2 มือท่าน ตั้งแต่ยังเป็นทุ่งนาฟ้าโล่ง เมื่อมาฆบูชาปี 2513 กว่า 45 ปีแล้ว ที่วัดพระธรรมกายต้องอาศัยปัจจัยที่ญาติโยม ถวายหลวงพ่อเป็นการส่วนตัวมาใช้ทั้งในเรื่องการก่อสร้าง การเผยแผ่และหล่อเลี้ยงวัดพระธรรมกายในด้านต่างๆ ตลอดมา ท่านจึงไม่ได้โกงเงินวัด แต่วัดต้องอาศัยท่าน

2. ท่านตั้งใจบวชตลอดชีวิต ตั้งแต่อายุ 19 ปี จนถึงปัจจุบันอายุเกือบ 72 ปีแล้ว ไม่ได้สึกหนีปัญหาไปไหน


กรณีข้อกล่าวหาหลวงพ่อธัมมชโย เป็นที่สิ้นสุดแล้ว รื้อฟื้นไม่ได้ ตามขั้นตอนดังนี้ 
๐ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2542 คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ เสนอรายงานกรณีวัดพระธรรมกายผ่านสมเด็จพระสังฆราชเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคมครั้งที่ 9 / 2542 เกี่ยวกับเรื่อง 1.คำสอน 2.การถือครองที่ดิน 3.การเงิน โดยมหาเถรสมาคม มีมติมอบเรื่องให้เจ้าคณะภาค 1 พิจารณาดำเนินการ


๐ ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2542 การประชุมครั้งที่ 10 / 2542 เจ้าคณะภาค 1 ดำเนินการไต่สวนแล้วสรุปเป็นข้อแนะนำ 4 ข้อ และเสนอกลับไปให้มหาเถรสมาคมพิจารณาอีกครั้ง


๐ จากนั้น มหาเถรสมาคมโดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ได้มีมติที่ 101 / 2542 ให้กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปนำข้อแนะนำ 4 ข้อของเจ้าคณะภาค 1 ไปศึกษาพิจารณาให้รอบคอบและทำบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอพิจารณาอีกครั้ง


๐ ในที่สุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2542 ที่ประชุมมหาเถรสมาคมโดยมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้วมีมติที่ 101 / 1 / 2542 ว่า ข้อแนะนำ 4 ประการของเจ้าคณะภาค 1 นั้นชอบแล้ว และเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ได้ทำหนังสือน้อมรับปฏิบัติแล้ว


๐ ดังนั้น โดยพระธรรมวินัย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อธิกรณ์กรณี พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ หลวงพ่อธัมมชโย เป็นอันสิ้นสุดยุติระงับแล้ว รื้อฟื้นอีกไม่ได้


๐ พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ อุกโกฏนสิกขาบท ในพระวินัยปิฎก ความว่า 
“ ภิกษุใดรู้อยู่ รื้อฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรม เพื่อพิจารณาใหม่ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ”



"หากเราไม่ร่วมกันสู้ แล้วใครจะกอบกู้พระพุทธศาสนา"


ดูผลงาน46ปีที่ผ่านมาของหลวงพ่อยี่งดูยี่งเสียใจ เสียดายแทนคนไทยยี่งนัก
http://dmc.tv/a10669

หลวงพ่อ ไม่ปาราชิกในกรณีเรื่องที่ดิน

หลวงพ่อธัมมชโย ไม่ปาราชิกในกรณีเรื่องที่ดิน

��ทำไม..มส. ถึงตัดสินว่า..หลวงพ่อธัมมชโย ไม่ปาราชิกในกรณีเรื่องที่ดิน !!!

                                     (โปรดตั้งใจอ่าน ที ละ ตัว ให้ เข้า ใจ   จะได้เคลีย์ซะที...)


       ��ที่มีการกล่าวหาโจมตีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า...โกงที่ดินวัดไป  แล้วพอโดนทักท้วง จึงยอมคืนที่ดินให้กับวัด เรื่องนี้มีเรื่องราวความจริงอย่างไร ?
                                                                                       
       ��ในเมื่อญาติโยมที่เป็นผู้ถวายที่ดินยืนยันว่า ตั้งใจถวายที่ดินแด่หลวงพ่อธัมมชโย เพราะมีความศรัทธาในตัวท่าน และเมื่อเอาเจ้าของที่ดินหลายแปลงได้เดินทางมาเป็นพยานในศาล  แต่ละคนก็ยืนยันว่า "ตั้งใจถวายที่ดินแด่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นการส่วนตัวจริงๆ ไม่ได้ถวายให้วัด

       �� แต่เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาที่เป็นโจทก์ฟ้องร้อง กลับแย้งเจ้าของที่ดินว่า  เมื่อเขียนในโฉนดว่า... ถวายพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เพื่อใช้ในกิจการพระพุทธศาสนา แสดงว่าต้องถวายวัด

      �� ซึ่งคำพูดนี้ ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ขัดต่อความเป็นจริงมาก !!!

       �� เพราะเจ้าของที่ดินได้ยืนยันแล้วว่า ถวายที่ดินแด่พระราชภาวนาวิสุทธิ์
       แต่เจ้าหน้าที่กรมการศาสนากลับทำตัวรู้ดีกว่าเจ้าของที่ดิน แล้วหาเรื่องฟ้องวัด


       ��จากนั้น..เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาได้ยืนยันต่ออีกว่า

       “ ถ้าหากจะใช้ในกิจการพระพุทธศาสนา ที่ดินจะต้องเป็นของวัดเท่านั้น ”

       ��เมื่อเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาพูดอย่างนี้ ทนายจึงขอถามกลับว่า

         “หากพระราชภาวนาวิสุทธิ์นำที่ดินนี้ไปสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเผยแผ่ธรรมะ จะถือเป็นกิจการของพระพุทธศาสนาหรือไม่ ? ”

       ��เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาตอบว่า “ไม่เป็นกิจการพระพุทธศาสนา  ”

       ��จากนั้นทนายก็ถามต่อว่า...
          “ แล้วพุทธมณฑล ซึ่งไม่ได้เป็นวัด ถือเป็นกิจการพระพุทธศาสนาหรือไม่ ? ”


       ��เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาจึงได้สติหยุดคิด ! จึงทำให้ทนายพูดย้ำทันทีว่า

           “คิดให้ดีก่อนตอบ เพราะมีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จด้วย ”


        ��จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาจึงตอบว่า...

            “พุทธมณฑลขอยกเว้น ถือเป็นกิจการพระพุทธศาสนา !”

        ��***(อ้าว ! แล้วทำไมคราวนี้ ถึงยอมตอบว่าพุทธมณฑลเป็นกิจการศาสนา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่วัด ตรงนี้น่าคิดไหม ???
                  
        ��แต่ทีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ นำที่ดินที่เขาถวายมาสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมทำกิจกรรมพุทธศาสนาบ้าง กลับบอกไม่ใช่ !!! )

        ��ดูจากเรื่องราวทั้งหมด ผู้มีใจเป็นธรรม ก็คงจะตอบได้ทันทีว่า เรื่องนี้ถือเป็นการหาเรื่องกัน  คือ เอาเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาทำให้กลายเป็นเรื่อง เพื่อโจมตีวัด !


        ��ดังนั้น...การที่สื่อมวลชนลงข่าวว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ “ คืน” ที่ดินให้วัด ถือเป็นการใช้คำที่ผิด ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิดตามมาอีกมากมาย

        ��ทั้ง ๆ ที่ความจริง คือ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ได้ "ยก" ที่ดินดังกล่าวให้วัดพระธรรมกาย  โดยที่ไม่ได้ยักยอกมาแต่อย่างใด (ดูจากหลักฐาน)

        ��แต่เป็นเพราะอยากให้เรื่องจบ อีกทั้งยังเป็นการทำตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช  เพื่อรักษาพระเกียรติของท่านด้วยความบริสุทธิ์ใจ


       ��ดังนั้น...มส. ตัดสินถูกต้องแล้ว  จะมาหาว่าท่าน " อุ้ม "หลวงพ่อธัมมชโยได้อย่างไร  !!!

       ��โปรดอย่ามั่วนิ่มอีกเลย  คดีนี้เคลีย์ และจบไปตั้งนานแล้ว  แต่ไม่มีข่าวเผยแพร่ออกไป  (เพราะข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียตังค์ ) เลยทำให้คนเข้าใจผิดมาตลอด .... 

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วัดดังผลงานเพียบ

ปิดไม่มิด​​​​​​ ​พบ ผลงาน หลวงพ่อธัมมชโย เพียบ
สร้างผลงานไว้เพียบ เป็นประโยชน์

แม้จะโดนป้ายสี  แต่ยังเดินหน้าทำความดี
ไม่หยุดยั้ง  ชาวพุทธแห่ให้กำลังใจ









หลังจากแหล่งข่าว ได้เดินทางไปวัดพระธรรมกาย
พบว่า ท่านได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่

พระพุทธศาสนาไว้
มากมาย นับไม่ถ้วน  อาทิ โครงการอุปสมบทหมู่
​​​​​1แสนรูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย 



สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง

                    
#ธรรมกาย#วัดพระธรรมกาย #พระพุทธศาสนา #เรารักพระพุทธศาสนา

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วัดพระธรรมกาย สร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี



จุดมุ่งหมายในการสร้างวัดโดยทั่วไป

จุดมุ่งหมายในการสร้างวัดสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เริ่มด้วยความหวังผลด้านการปกครอง ซึ่งจอห์น ครอฟอร์ด ที่เข้ามาเมืองไทยในรัชกาลที่ ๒ บันทึกความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธศาสนากับสถาบันการปกครองของไทยว่า "พระพุทธศาสนามีอิทธิพลต่อระบบการปกครองประเทศอย่างมาก ไม่มีประเทศใดในโลกตามความคิดเห็นของข้าพเจ้าที่ศาสนาเข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันมากเท่ากรุงสยาม"
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงพยายาม ให้ความสำคัญแก่พระพุทธศาสนา โดยทรงเปลี่ยนระบบการปกครองแบบเทวราชาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ให้เป็นพุทธราชามากขึ้น ตามพระราชดำริตอนหนึ่งว่า ...สัตว์โลกทุกวันนี้ ปฏิบัติผิดจากพระไตรสรณคมน์ จะไปสู่อบายภูมิ ๔ เสียเป็นอันมาก โดยกระแสพุทธฎีกาตรัสเทศนาไว้ว่า พระไตรสรณคมน์ที่เป็นยอดมงกุฎเกศต้นธรรมทั้งปวง ยากที่ทุกคนจะรักษาพระไตรสรณคมน์ให้บริสุทธิ์ได้ ด้วยเหตุว่า พระไตรสรณคมน์จะอยู่เป็นมั่นคงนั้น เพราะถือพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเป็นเที่ยงแท้...

ผลพลอยได้จากการสร้างวัด ประการต่อมา คือ ทำให้วัดมีสภาพเป็นศูนย์กลางของชุมชน ทั้งด้าน อบรมจิตใจ การพักผ่อนหย่อนใจและที่สำคัญ คือ เป็นแหล่งการศึกษาเล่าเรียน โดยเฉพาะในรัชกาลที่ ๓ ทรงส่งเสริมการให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป โดยใช้วัดเป็นศูนย์กลาง ทรงมีรับสั่งให้ข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนจารึกศิลามาติดไว้ที่วัด ซึ่งทำเป็นงานใหญ่ ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๗๗ - ๒๓๙๑ วัดที่ทรงสถาปนาให้เป็นแหล่งวิชาความรู้ มีอาทิ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และวัดสุทัศนเทพวราราม เป็นต้น วัตถุประสงค์ของการสร้างวัดที่สำคัญที่สุด คือ เพื่อการอบรมใจเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติ เช่น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงแสดงความห่วงใยเรื่องเด็กไทยจะอยู่ห่างจากพระพุทธศาสนา ทรงมีพระราชดำริว่า
...การที่หัดให้รู้จักอ่านออกเขียนได้ ไม่ได้เป็นเครื่องหัดให้คนดีหรือชั่ว แต่เป็นวิธีการที่จะเรียบเรียงความดีความชั่วได้คล่องขึ้นเท่านั้น...
พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ที่ทรงมีไปถึงกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เมื่อ ร.ศ. ๑๑๗ (พ.ศ.๒๔๔๑)
แนวคิดในการสร้างวัดพระธรรมกาย
เพื่อเป็นการรับสนองพระราชดำริแห่งพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่แก่ประเทศไทย และในท่ามกลางสภาวะทางสังคมที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากเช่นทุกวันนี้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องช่วยกันฟื้นฟูความเป็น ”วัด” ที่ดีกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยเหตุที่ปัญหาสังคมต่างๆ ล้วนแสดงถึงการขาดศีลธรรมของคนในสังคมเป็นประการสำคัญ ในฐานะที่วัดมีหน้าที่หลักในการสั่งสอนศีลธรรม ย่อมมีหน้าที่จะต้องพัฒนากระบวนการปลูกฝังและวิธีการเผยแผ่ธรรมะ ให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับยุคสมัยให้มากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ พระภิกษุสงฆ์จำนวนกว่า ๓๐๐,๐๐๐ รูป และวัดต่างๆ กว่า ๓๐,๐๐๐ วัด ทั่วประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องมีความพร้อม ในการชี้นำคุณงามความดีแก่ประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสร้างสันติสุขและความสว่างไสวในทุกๆ ด้านแก่สังคมให้ได้ในที่สุด
ปัจจุบันมีผู้กล่าวกันมากว่า "คนไม่ค่อยเข้าวัด ผู้คนมีศีลธรรมน้อยลง" วัดพระธรรมกายมองปัญหานี้ในมุมกลับว่า "จริงๆ แล้วประชาชนอยากเข้าวัด แต่วัดยังไม่น่าเข้า เป็นหน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์ จะต้องเป็นผู้นำในการพัฒนาปรับปรุงวัดให้น่าเข้า แล้วประชาชนก็จะหลั่งไหลเข้าวัดเอง" จากแนวคิดนี้ วัดพระธรรมกาย ได้แบ่งเขตพื้นที่เป็น เขตพุทธาวาส ที่ตั้งของโบสถ์ ประดิษฐานพระพุทธรูป เขตธัมมาวาส ที่แสดงธรรมอบรมประชาชน เขตสังฆาวาส ที่พักสงฆ์ อย่างเป็นสัดส่วนและได้พัฒนาวัดตามหลักปฏิรูปเทส ๔ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้
๑. อาวาสเป็นที่สบาย คือ การปรับปรุงสภาพทางภูมิศาสตร์ของวัดให้ดี ปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น ดูแลวัดให้สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย
๒. อาหารเป็นที่สบาย คือ ดูแลอาหารการกินของญาติโยมที่มาวัดให้ดี ภัตตาหารที่ญาติโยมนำมาถวายพระ ก็ดูแลให้ดี ให้ความเคารพในทานของญาติโยม ภาชนะของเขาที่ใส่ภัตตาหารมาก็ทำความ สะอาดส่งคืนให้เรียบร้อย และรวมถึงการจัดระบบการบริหารการเงินให้รัดกุมด้วย
๓. บุคคลเป็นที่สบาย คือ พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ศิษย์วัด จะต้องอบรมให้มีกิริยามารยาทเรียบร้อย สมเป็นคนวัด มีอัธยาศัยไมตรี ตอนรับญาติโยมที่มาวัดอย่างดี ต้องรักษาศีลอย่างเคร่งครัด และหมั่นศึกษาธรรมะปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนาอย่างสม่ำเสมอ ให้คนวัดเป็นแบบอย่างทางความประพฤติแก่ญาติโยมที่มาวัดได้
๔. ธรรมะเป็นที่สบาย คือ เมื่อประชาชนมาวัดแล้ว อย่าให้กลับบ้านมือเปล่า จะต้องได้เรียนรู้ธรรมะ ได้ข้อคิดกลับไปใช้ในการประพฤติปฏิบัติในชีวิตได้ วัดจะต้องมีการอบรมสอนประชาชน ทั้งการปฏิบัติเจริญสมาธิภาวนา และการเทศน์สอนหลักธรรมต่างๆ
เมื่อได้พัฒนาวัดตามแนวทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ไว้นี้แล้ว เราพบว่า ทำให้ประชาชนเข้าวัดมากขึ้น เมื่อเขามาวัดแล้วสบายใจ ได้ประโยชน เขาก็บอกกันปากต่อปาก ทำให้คนมาวัดมากขึ้น วัดได้ทำหน้าที่หลักในการอบรมศีลธรรม สร้างคนดีให้เกิดขึ้นแก่สังคมอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง
ผู้นำในการบุกเบิกสร้าง วัดพระธรรมกาย คือ คุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง, พระเดชพระคุณเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) และพระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว) โดยเริ่มต้นจากบ้านธรรมประสิทธิ์ ณ วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ มาเป็นศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม และพัฒนาเป็นวัดพระธรรมกายในปัจจุบัน 

บ้านธรรมประสิทธิ์     

                  
ในบรรดาลูกศิษย์ที่ได้ฝึกฝนวิชชาธรรมกายกับพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) มานับสิบปี ท่านหนึ่ง คือ คุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านปฏิบัติธรรมได้ผลดีมากจนได้รับคำชมเชยจากหลวงปู่วัดปากน้ำว่า “ลูกจันทร์นี้ เป็นหนึ่งไม่มีสอง” เมื่อหลวงปู่วัดปากน้ำมรณภาพแล้ว (วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๐๒) อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ยังคงปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ และให้ความเมตตาสอนธรรมะแก่ลูกศิษย์ทั้งหลายที่มาหาท่าน ได้อาศัยบ้านไม้สองชั้นหลังเล็กๆ ซึ่งสมัยนั้นเรียกกันว่า “บ้านธรรมประสิทธิ์” ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของบริเวณวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นที่ปฏิบัติธรรม
ในบรรดาลูกศิษย์จำนวนมาก มีนายไชยบูลย์ สุทธิผล (ปัจจุบัน คือ พระเทพญาณมหามุนี) ขณะนั้นยังเป็นนักเรียนอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้มาฝึกสมาธิกับคุณยายอาจารย์ทุกวัน ผลการปฏิบัติธรรมของท่านก้าวหน้ารวดเร็วกว่าลูกศิษย์ทั้งหลาย เนื่องจากมีความตั้งใจจริงและทุ่มเทปฏิบัติตามคำสั่งสอนของคุณยายอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ บางเขน ได้ชักชวน นายเผด็จ ผ่องสวัสดิ์ (ปัจจุบัน คือ พระภาวนาวิริยคุณ รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย) ซึ่งขณะนั้นเป็นนักศึกษารุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน มาเรียนวิชชาธรรมกายกับคุณยายด้วย
ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม-วัดพระธรรมกาย

เมื่อนายไชยบูลย์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว ได้สละเพศฆราวาสเข้าสู่การอุปสมบท อุทิศชีวิตถวายเป็นพุทธบูชา และได้รับฉายาว่า “ธัมมชโย ภิกขุ” เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๒ ณ พระอุโบสถวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยมี “พระเทพวรเวที” (ปัจจุบันเป็นที่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระภิกษุธัมมชโยได้ทำหน้าที่สอนธรรมะแทนคุณยายที่บ้านธรรมประสิทธิ์ จนกระทั่งสาธุชนให้ความสนใจมาปฏิบัติธรรมกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนร้อย ทำให้บริเวณบ้านธรรมประสิทธิ์แน่นขนัด คนที่มาปฏิบัติธรรมล้นออกไปจนถึงถนนหน้าบ้าน ลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งจึงปรึกษากับคุณยายอาจารย์ว่า ควรจะหาพื้นที่สักแห่งเพื่อสร้างวัดขึ้น อย่างน้อยประมาณ ๕๐ ไร่ เป็นสถานที่ไปมาสะดวก ไม่ห่างไกลตัวเมืองมากนัก และต้องมีบรรยากาศวิเวก สงบร่มรื่น ซึ่งต่อมาข่าวนี้ได้ทราบถึง คุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี ท่านได้มีจิตศรัทธาถวายที่ดินบริเวณ ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จำนวน ๑๙๖ ไร่ เพื่อสร้างวัดตามวัตถุประสงค์ เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๑๒ (ปัจจุบัน คือ บริเวณพื้นที่วัดพระธรรมกาย ๑๙๖ ไร่)

ขณะก่อสร้างอยู่นั้น คณะผู้ก่อตั้งให้ชื่อว่า “ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม” ต่อมาเมื่อได้สร้างเป็นวัดตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ได้ตั้งชื่อวัดว่า “วัดวรณีธรรมกายาราม” และ ต่อมาเพื่อให้สอดคล้องกับหลักธรรมปฏิบัติที่ทางวัดสอน จึงเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดพระธรรมกาย”
จุดประสงค์ในการสร้างวัดพระธรรมกาย
ความตั้งใจแน่วแน่ของคณะผู้บุกเบิกสร้างวัด คือ การอบรมศีลธรรมแก่ประชาชน เพื่อสร้างสันติสุขให้แก่ชาวโลก จึงมีแนวทางสำคัญ คือ
  • สร้างวัดให้เป็นวัด คือ เป็นวัดที่สะอาด สงบ ร่มรื่น เหมาะสมแก่การประพฤติปฏิบัติธรรมของประชาชน
  • สร้างพระให้เป็นพระ คือ ฝึกอบรมพระภิกษุ ให้ถึงพร้อมด้วยศีลาจารวัตร และคุณธรรมภายใน เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธา สามารถเป็นครูสอนศีลธรรมให้แก่ประชาชนได้
  • สร้างคนให้เป็นคนดี คือ สร้างคนดีมีศีลธรรม มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
ด้วยเหตุนี้ วัดพระธรรมกายจึงมุ่งเน้นการอบรมธรรมะทั้งภาคปริยัติและปฏิบัติ ให้แก่พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนสาธุชนผู้สนใจศึกษาธรรมะทุกท่านตลอดมา รวมทั้งเน้นในเรื่องของความสะอาด ความสงบ ความร่มรื่น ร่มเย็น และมีนโยบายหลักในการก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ เท่าที่จำเป็นต่อการใช้งาน ซึ่งเน้นความประหยัด ความประณีต คงทนถาวร และประโยชน์ในการใช้งานเป็นหลัก
หลักการของวัดพระธรรมกายมุ่งที่ศีลธรรม ไม่ได้เป็นเพียงศาสนสถาน หรือสถานที่สำหรับการประกอบพิธีกรรมเท่านั้น สรุปได้ว่า“วัด คือ โรงเรียนสอนศีลธรรมให้กับ มหาชน” การฝึกคนจำนวนมาก โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ หากได้รับการสอนและการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังแล้ว ก็จะเป็นผู้รักศีลธรรม สนใจธรรมะ และจะช่วยดึงให้ห่างพ้นจากอบายมุขและยาเสพติด

การขยายพื้นที่รองรับสาธุชนของวัดพระธรรมกาย
ในขณะที่สร้างวัดควบคู่ไปกับการเผยแผ่ธรรมะนั้น เหล่าสาธุชนได้หลั่งไหลกันมาปฏิบัติธรรม เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๗ เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จะมีสาธุชนมาวัดครั้งละประมาณ ๒๐,๐๐๐ คน ทำให้พื้นที่ในบริเวณวัดพระธรรมกาย ๑๙๖ ไร่ เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น มีสาธุชนกลุ่มหนึ่งได้เสนอความเห็นว่าทางวัดควรจะขยายพื้นที่ออกไปอีก เพื่อรองรับสาธุชนที่จะมาปฏิบัติธรรม เพิ่มขึ้นในวันข้างหน้า เมื่อคณะสงฆ์วัดพระธรรมกายเห็นสมควร จึงได้ปรึกษากับมูลนิธิธรรมกาย ดำเนินการติดต่อขอซื้อที่ดินบริเวณท้ายวัดในนามของมูลนิธิฯ ขยายออกไปอีกประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่เศษ โดยได้ รับบริจาคปัจจัยจากสาธุชนที่มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินผืนนี้ไว้เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เพื่อให้ชาวพุทธ ทุกคนได้มาประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกันในสถานที่อันสงบ ร่มรื่น และยังใช้ประโยชน์ในศาสนกิจของการคณะสงฆ์ได้อีกด้วย
พื้นที่ที่ขยายออกมา เริ่มใช้งานเผยแผ่พระพุทธศาสนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยมีสาธุชนมาปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง ถึงปี พ.ศ.๒๕๔๒ มีสาธุชนมาปฏิบัติธรรมร่วมกันในวันสำคัญทางศาสนา ครั้งละกว่า ๑๐๐,๐๐๐ คน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ดำเนินการก่อสร้างศาสนสถานขึ้นตามความจำเป็นต่อการใช้งานมาโดยลำดับ และในขณะนี้กำลังก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ เจดีย์แห่งพระรัตนตรัย ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธทั่วโลก เพื่อประกอบพิธีกรรมร่วมกันในวันสำคัญทางพุทธศาสนา เป็นการตอกย้ำให้ชาวพุทธทุกคนเห็นว่า ธรรมะในพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งล้ำค่า ควรประพฤติปฏิบัติและช่วยกันหวงแหนรักษาไว้ ให้เป็นมรดกธรรมแก่อนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป

หมายเหต
วัดพระธรรมกาย เป็นวัดในพระพุทธศาสนา ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดโดยสมบูรณ์ ตามประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๙๖ ตอนที่ ๑๕ เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยมี พระอธิการไชยบูลย์ ธัมมชโย (ปัจจุบันเป็นที่ พระเทพญาณมหามุนี) เป็นเจ้าอาวาส พระเผด็จ ทัตตชีโว (ปัจจุบันเป็นที่ พระภาวนาวิริยคุณ) เป็นรองเจ้าอาวาส
มูลนิธิธรรมกาย จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๓ เดิมใช้ชื่อว่า มูลนิธิธรรมประสิทธิ์ โดยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ณ กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๓ เมื่อสร้างวัดพระธรรมกายเสร็จได้ขอแก้ไขเอกสาร เปลี่ยนชื่อเป็น “มูลนิธิพระธรรมกาย” เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๕ ณ ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี และเพื่อไม่ให้สับสนกับชื่อวัด จึงจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อจาก "มูลนิธิพระธรรมกาย" เป็น “มูลนิธิธรรมกาย” โดยได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ตามหนังสือที่ ศธ ๑๓๐๔/๖๐๘๘ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๘ 
Copyright © 2015 @วัดเอย>>>วัดพระธรรมกาย
| Distributed By Gooyaabi Templates