ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหาเพราะ
1. วัดพระธรรมกายนี้ หลวงพ่อท่านสร้างมาด้วย 2 มือท่าน ตั้งแต่ยังเป็นทุ่งนาฟ้าโล่ง เมื่อมาฆบูชาปี 2513 กว่า 45 ปีแล้ว ที่วัดพระธรรมกายต้องอาศัยปัจจัยที่ญาติโยม ถวายหลวงพ่อเป็นการส่วนตัวมาใช้ทั้งในเรื่องการก่อสร้าง การเผยแผ่และหล่อเลี้ยงวัดพระธรรมกายในด้านต่างๆ ตลอดมา ท่านจึงไม่ได้โกงเงินวัด แต่วัดต้องอาศัยท่าน
2. ท่านตั้งใจบวชตลอดชีวิต ตั้งแต่อายุ 19 ปี จนถึงปัจจุบันอายุเกือบ 72 ปีแล้ว ไม่ได้สึกหนีปัญหาไปไหน
กรณีข้อกล่าวหาหลวงพ่อธัมมชโย เป็นที่สิ้นสุดแล้ว รื้อฟื้นไม่ได้ ตามขั้นตอนดังนี้
๐ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2542 คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ เสนอรายงานกรณีวัดพระธรรมกายผ่านสมเด็จพระสังฆราชเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคมครั้งที่ 9 / 2542 เกี่ยวกับเรื่อง 1.คำสอน 2.การถือครองที่ดิน 3.การเงิน โดยมหาเถรสมาคม มีมติมอบเรื่องให้เจ้าคณะภาค 1 พิจารณาดำเนินการ
๐ ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2542 การประชุมครั้งที่ 10 / 2542 เจ้าคณะภาค 1 ดำเนินการไต่สวนแล้วสรุปเป็นข้อแนะนำ 4 ข้อ และเสนอกลับไปให้มหาเถรสมาคมพิจารณาอีกครั้ง
๐ จากนั้น มหาเถรสมาคมโดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ได้มีมติที่ 101 / 2542 ให้กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปนำข้อแนะนำ 4 ข้อของเจ้าคณะภาค 1 ไปศึกษาพิจารณาให้รอบคอบและทำบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอพิจารณาอีกครั้ง
๐ ในที่สุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2542 ที่ประชุมมหาเถรสมาคมโดยมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้วมีมติที่ 101 / 1 / 2542 ว่า ข้อแนะนำ 4 ประการของเจ้าคณะภาค 1 นั้นชอบแล้ว และเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ได้ทำหนังสือน้อมรับปฏิบัติแล้ว
๐ ดังนั้น โดยพระธรรมวินัย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อธิกรณ์กรณี พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ หลวงพ่อธัมมชโย เป็นอันสิ้นสุดยุติระงับแล้ว รื้อฟื้นอีกไม่ได้
๐ พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ อุกโกฏนสิกขาบท ในพระวินัยปิฎก ความว่า
“ ภิกษุใดรู้อยู่ รื้อฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรม เพื่อพิจารณาใหม่ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ”
"หากเราไม่ร่วมกันสู้ แล้วใครจะกอบกู้พระพุทธศาสนา"